ติดสปีด ให้ชีวิตไร้สาย
- 3G คือ hi-speed Mibile Internet หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง สำหรับอุปกรณ์พกพา ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก หรือโทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ที่มีความเร็วมากกว่าระบบ 2G ปัจจุบันที่ใช้ EDGE / GPRS สูงสุดถึง 35 เท่า!
- ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 7.2 Mbps. ทำให้คุณเหมือนมี Broadband Internet พกออกไปนอกบ้านด้วย ตลอดเวลา จะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ไหน เมื่อไหร่ ก็สบายและเร็วจี้ด
- เร็วขนาดนี้ ความสนุกที่ตามมาเลยมีอีกเพียบ จะส่งเมล MP3 หรือคลิปวิดีโอ ก็ทำได้ทันใจ จะดูรายการทีวี ฟังวิทยุ และฟังเพลงออนไลน์ ก็ทำได้แบบเรียลไทม์ แถมจะส่งวิดีโอ หรืออัำพโหลดเข้าไปในเว็บไซด์ต่างๆ ที่เปิดให้บริการ ก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
เติมความสนุก ให้ชีวิตกำลังสอง
- เพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเน็ต hi-speed อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนของประเทศ ด้วยการรวม บริการ 3G เข้ากับ Wi-Fi by TrueMove เรามีให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ ตามแหล่งช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร สำหรับทุกไลฟ์สไตล์กว่า 30,000 จุด Hotspot ทำให้เล่นเน็ตได้ต่อเนื่องไม่มีสะดุดให้เสียอารมณ์
- รวดเร็ว ทันใจ ไม่ต้องเสียเวลาล็อกอินเอง ด้วยระบบ Auto-Login ที่เชื่อมต่อ Wi-Fi by TrueMove ได้ทันทีโดยอัตโนมัติ ทีนี้จะสนุกกับอินเทอร์เน็ตยังไง ก็จัดไปตามใจชอบ!
- ลูกค้าทรูมูฟสามารถเล่นอินเทอร์เน็ตได้ง่ายๆ แค่พิมพ์ W ส่งไปที่ 9789 (ฟรี) ระบบจะส่ง Username และ Password ให้ทาง SMS สมัครแพ็กเกจสุดคุ้ม โทร*9000
เร็วกว่าใคร ไวสูงสุด 7.2 Mbps.
- hi-speed Mobile Internet ระบบ 3G จากเครือข่าย ทรูมูฟ ที่คุณวางใจ เพราะรองรับทุกแพลตฟอร์ม ที่สนับสนุนระบบ 3G ให้เร็วจี๋ ได้เหมือนกันทุกแบรนด์
- นำเทรนด์ด้วยการสื่อสารผ่าน Video Call ที่ใช้ได้เฉพาะบนระบบความเร็วสูง ระดับ 3G เท่านั้น คุยแบบเห็นหน้ากันได้ทุกทีที่คิดถึง
- เพราะโอนถ่ายข้อมูลเร็วปรี๊ด จะดูทีวีบนมือถือ หรือคลิปวิดีโอจาก YouTube ก็ได้ภาพที่คมชัด เต็มประสิทธิภาพ
- ดาวน์โหลดเพลง หนัง หรือรับ / ส่ง ไฟล์งาน หรือรูปภาพใหญ่ๆ ได้ชนิดติดสปีดทันใจ ไม่ต้องรอกันจนเบื่ออีกแล้ว
- จะแชตกับเพื่อน หรือสื่อสารทันใจกับ Social Networking ก็เร็วกว่าใคร ไม่ว่า Facebook, twitter หรือ hi5 คุณตามทันทุกการเคลื่อนไหนแน่นอน
- ตามเทรนด์ให้ทัน ถ่ายภาพ QR หรือ AR Code แล้ววิ่งฉิวสู่เว็บไซด์ต่างๆ หรือค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้ทันที
สะดวกกว่าใคร ที่ไหนก็เร็วไม่สะดุด
- ปัจจุบัน ทรูมูฟ ได้ขยายพื้นที่ให้บริการ 3G ไปยังจุดสำคัญต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นรัศมี 2 กิโลเมตร จากแนวรถไฟฟ้า BTS แทบทุกสาย หรือบางพื้นที่ของสถานีท่องเที่ยวสุดฮิพอย่าง เชียงใหม่ พัทยา และภูเก็ต ให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
- สะดวกเพิ่มอีกระดับด้วย Wi-Fi by TrueMove ที่ครอบคลุมร้านค้าไลฟ์สไตล์ แหล่งช้อปปิ้ง และที่พักผ่อนมากกว่า 30,000 จุดทั่วประเทศ บริการพิเศษสำหรับลูกค้า ทรูมูฟ เท่านั้น เพียงเห็นสัญลักษณ์ Wi-Fi by TrueMove
สนุกกว่าใคร แอพพลิเคชั่นไหนๆ ก็เพลิน
- เพลินสุดๆ กับการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นมันๆ และมีประโยชน์หลากหลาย ที่มีแต่ชาว 3G เท่านั้นที่ใช้งานได้ อาทิ เช็คเส้นทางจราจรด้วย Traffy สำรวจเส้นทางระหว่างเดินทางด้วย Maps ฯลฯ
- เอ็นจอยอีกระดับกับแอพพลิเคชั่นดีๆ ที่เปิดให้ดาวน์โหลดได้สำหรับลูกค้า ทรูมูฟ iPhone โดยเฉพาะ อาทิ
- Lin Ping ให้คุณติดตามชีวิตแพนด้าน้อยได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- English Premier League รายงานข่าวบอลแบบเกาะขอบสนาม
- True AF7 สำหรับแฟนๆ นักล่าฝันแห่ง AF
- Thai Top Load แนะนำคลิปสุดฮิตของชาวเน็ตทุกวัน
- TNN24 เกาะติดทุกสถานการณ์ไม่ตกข่าว
- BKK Traffic สนุกกับการเช็คสภาพจราจรแบบเรียลไทม์
- TrueMusic ให้คุณฟังเพลงฮิตติดชาร์จจากทั่วโลก Thailand Guide เที่ยวทั่วไทยสนุกไกล หรือใกล้ก็ไม่หลง และแอพพลิเคชั่นน่าสนใจอีกเพียบ!
3G ต่างกับ WiFi อย่างไร??
วิวัฒนาการของ 3G Technology
ก่อนที่จะเป็น 3G นั้น เทคโนโลยีได้มีพัฒนาเรื่อยมา ... G ย่อมาจาก Generation ค่ะ
- 1G - ระบบ Analog
- 2G - ระบบ Digital
- 3G - ระบบ Wireless
1G เริ่มตั้งแต่ 1G ... ซึ่งเป็นยุคที่ใช้ระบบ Analog คือใช้สัญญาณวิทยุในการส่งคลื่นเสียง โดยไม่รองรับการส่งผ่านข้อมูลใดๆทั้งสิ้น ซึ่งนั่นก็หมายความว่าสามารถใช้งานทางด้าน Voice ได้อย่างเดียวค่ะ ... คือ โทรออก-รับสาย เท่านั้น ไม่มีการรองรับการใช้งานด้าน Data ใดๆ ทั้งสิ้น .. แม้แต่การรับ-ส่ง SMS ก็ยังทำไม่ได้ในยุค 1G ค่ะ แต่จริงๆแล้ว ... ในยุคนั้น ผู้บริโภคก็ยังไม่มีความต้องการในการใช้งานอื่นๆ นอกจากเสียง (Voice) อยู่แล้วค่ะ
โดยปริมาณผู้ใช้โทรศัพท์มือถือยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัดมาก และจะพบว่าผู้ใช้มักจะเป็นนักธุรกิจที่มีรายได้สูงเสียส่วนใหญ่ 2G
หลังจากนั้น ก็ได้พัฒนาต่อมาเป็นยุค 2G ค่ะ ... ซึ่งเปลี่ยนจากการส่งคลื่นทางคลื่นวิทยุแบบ Analog มาเป็นการเข้ารหัส Digital ส่งทางคลื่น Microwave ซึ่งในยุคนี้เอง เป็นยุคที่เริ่มทำให้เราเริ่มที่จะสามารถใช้งานทางด้าน Data ได้ นอกเหนือจากการใช้งาน Voice เพียงอย่างเดียว
ในยุค 2G นี้ ... เราสามารถ รับ-ส่งข้อมูลต่างๆและติดต่อเชื่อมโยงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดการกำหนดเส้นทางการเชื่อมกับสถานีฐาน หรือที่เรียกว่า cell site และก่อให้เกิดระบบ GSM (Global System for Mobilization) ซึ่งทำให้เราสามารถถือโทรศัพท์เครื่องเดียวไปใช้ได้เกือบทั่วโลก หรือที่เรียกว่า Roaming ค่ะ ยุค 2G นี้ ถือเป็นยุคเริ่มต้นแห่งการเฟื่องฟูของโทรศัพท์มือถือเลยค่ะ ...
ราคาของโทรศัพท์มือถือเริ่มต่ำลง (กว่ายุค 1G) ทำให้ปริมาณผู้ใช้โทรศัพท์มือถือมีมากขึ้น ซึ่งการส่งข้อมูลของยุค 2G นี้ เป็นยุคที่มีการเริ่มฮิต Download Ringtone , Wallpaper , Graphic ต่างๆ แต่ก็จะจำกัดอยู่ที่การ Downlaod Ringtone แบบ Monotone และ ภาพ Graphic ต่างๆก็เป็นเพียงแค่ภาพขาว-ดำที่มีความละเอียดต่ำเท่านั้นค่ะ 2.5G หลังจากนั้น ก็เป็นยุคก้ำกึ่งระหว่าง 2G และ 3G ... ซึ่งก็คือ 2.5G ค่ะ
ซึ่ง 2.5G นี้ เป็นยุคที่กำเนิดเทคโนโลยี GPRS (General Packet Radio Service) นั่นเอง ซึ่งตามหลักการแล้ว ... เทคโนโลยี GPRS นี้สามารถส่งข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 115 Kbps เลยทีเดียว แต่เอาเข้าจริงๆ ความเร็วของ GPRS จะถูกจำกัดให้อยู่ที่ประมาณ 40 kbps เท่านั้นค่ะ 2.75G เพิ่มนิดนึงค่ะ ... ก่อนจะมาถึงยุค 3G เราก็ยังมี 2.75G ด้วยนะค๊ะ ซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มมีการใช้เทคโนโลยี EDGE (Enhanced Data rates for Global Evolution) นั่นเองค่ะ
EDGE นั้นถือเป็นเทคโนโลยีต่อยอดของ GPRS และถูกเรียกกันว่าเทคโนโลยียุค 2.75 G (อย่างไม่เป็นทางการ) ลักษณะการทำงานของ EDGE นั้นจะเป็นการพัฒนาปรับปรุงคุณภาพความเร็วจากพื้นฐานของ GPRS ให้มีความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลได้สูงขึ้นค่ะ
แต่ว่า ยุค 2.75G ของ EDGE นั้น ไม่ได้ถูกกำหนดขึ้นอย่างเป็นทางการนะค๊ะ เพียงแค่ยกขึ้นมาเปรียบเทียบช่วงคาบเกี่ยวระหว่างยุค 2.5G และ 3G เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้นอ่ะค่ะ
3G ต่อมา ... ก็ได้พัฒนามาเป็นระบบ 3G หรือ Third Generation ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3
จุดเด่นที่สุดของ 3G นั้น ... เป็นเรื่องของความเร็วในการเชื่อมต่อและการรับ-ส่งข้อมูล โดยเน้นการเชื่อมต่อแบบไร้สายด้วยความเร็วสูง ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งข้อมูลต่างๆ รวดเร็วมากขึ้น พร้อมทั้งสามารถใช้ บริการ Multimedia ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และ มีประสิทธิภาพแบบมากยิ่งขึ้น
เช่น การรับ-ส่ง File ที่มีขนาดใหญ่ , การใช้บริการ Video/Call Conference , Download เพลง , ดู TV Streaming ต่างๆ ซึ่งถ้่าเปรียบเทียบเทคโนโลยี 2G กับ 3G แล้ว ... 3G มีช่องสัญญาณความถี่ และ ความจุในการรับส่งข้อมูลที่มากกว่าเยอะเลยค่ะ
คุณสมบัติหลักที่เด่นๆ อีกอย่างหนึ่งของระบบ 3G ก็คือ Always On ... คือ มีการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายของ 3G ตลอดเวลาที่เราเปิดโทรศัพท์ด้วยค่ะ
| 
.png)
.png){kind=small}
.png){kind=small}
.png)
